
WordPress 6.6 ได้รับการปล่อยออกมาอย่างเป็นทางการแล้ว เวอร์ชันล่าสุดของ WordPress ที่เปิดตัวเมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2024 พร้อมกับการเปลี่ยนแปลงและปรับปรุงครั้งใหญ่ที่น่าตื่นเต้นมากมาย เวอร์ชันนี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่การอัปเดตทั่วไป แต่เป็นการพัฒนาครั้งสำคัญที่มุ่งเน้นไปที่การเพิ่มประสิทธิภาพ, ความยืดหยุ่น, และประสบการณ์การใช้งานที่ดีขึ้นสำหรับทั้งผู้สร้างเว็บไซต์และผู้เข้าชมเว็บไซต์ ในบทความนี้ เราจะเจาะลึกการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญที่สุดใน WordPress 6.6 และสำรวจว่าสิ่งเหล่านี้จะส่งผลต่อการสร้างเว็บไซต์ของคุณอย่างไร
การอัปเดตสำคัญใน WordPress 6.6
- ประสิทธิภาพที่ดีขึ้น: ปรับปรุงประสิทธิภาพในการทำงานของเว็บไซต์ให้ดียิ่งขึ้น เช่น การลดการเรียกใช้ WP_Theme_JSON ที่ซ้ำซ้อน การปิดการโหลดอัตโนมัติสำหรับตัวเลือกขนาดใหญ่ การลดการพึ่งพา polyfill ที่ไม่จำเป็น การโหลด lazy load สำหรับ post embeds และการลดเวลาในการโหลดเทมเพลตใน editor ลง 33%
- การปรับปรุง Site Editor: Site Editor มีการปรับปรุงให้ใช้งานง่ายและมีประสิทธิภาพมากขึ้น เช่น การแสดงข้อมูลที่ดีขึ้น การจัดการรูปแบบส่วนต่าง ๆ สำหรับธีม และการผสมผสานรูปแบบต่าง ๆ ได้อย่างอิสระ
- บล็อก Grid ใหม่: มาพร้อมกับบล็อก Grid ใหม่ที่ช่วยให้คุณสร้างเลย์เอาต์แบบตารางได้อย่างง่ายดายและสวยงาม
- การจัดการรูปแบบที่ได้รับการปรับปรุง: ช่วยให้คุณจัดการรูปแบบต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับธีมคลาสสิก
- แป้นพิมพ์ลัดใหม่: เพิ่มแป้นพิมพ์ลัดใหม่สำหรับการจัดกลุ่มบล็อกได้อย่างรวดเร็ว
- การจัดการ Pattern ที่ดีขึ้นสำหรับ Classic Themes: ทำให้การใช้และปรับแต่ง Pattern ในธีมคลาสสิกง่ายขึ้น
สำหรับคนที่ยังไม่รู้จักว่าเวิร์ดเพรสคืออะไร
อ่านบทความ: WordPress คืออะไร? สร้างเว็บไซต์สวย ใช้งานง่าย ไม่ง้อโค้ด
การปรับปรุงประสิทธิภาพ
WordPress เวอร์ชั่น 6.6 ได้รับการปรับแต่งอย่างละเอียดเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การปรับปรุงที่สำคัญ ได้แก่
- การลดเวลาในการโหลดเทมเพลตใน editor ลง 33%: ทำให้การแก้ไขเนื้อหาใน editor รวดเร็วและราบรื่นยิ่งขึ้น
- การลดการเรียกใช้ WP_Theme_JSON ที่ซ้ำซ้อน: ช่วยลดภาระการประมวลผลและเพิ่มความเร็วในการโหลดหน้าเว็บ
- การปิดการใช้งาน autoload สำหรับตัวเลือกขนาดใหญ่: ปรับปรุงการจัดการหน่วยความจำและลดเวลาในการโหลด
- การกำจัด polyfill dependencies ที่ไม่จำเป็น: ลดขนาดไฟล์ JavaScript และเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของเบราว์เซอร์
- การโหลด lazy loading สำหรับ post embeds: ทำให้หน้าเว็บโหลดเร็วขึ้นโดยการโหลดเนื้อหาฝังเมื่อจำเป็นเท่านั้น
- การแนะนำ data-wp-on-async directive: ช่วยให้เบราว์เซอร์จัดลำดับความสำคัญของการโหลดทรัพยากรได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
มุมมองและแถบ Navigation ใน Site Editor มีประสิทธิภาพมากขึ้น
ปรับปรุง Site Editor ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยมีการเปลี่ยนแปลงหลักๆ ดังนี้
- เลย์เอาต์เริ่มต้นแบบเคียงข้างกัน: ตอนนี้เมื่อดูและแก้ไขหน้าเว็บ คุณจะเห็นเลย์เอาต์ใหม่ที่แสดงเนื้อหาและตัวแก้ไขแบบเคียงข้างกัน ช่วยให้คุณเห็นการเปลี่ยนแปลงได้ทันทีและทำงานได้สะดวกยิ่งขึ้น
- การจัดการรูปแบบที่ดีขึ้น: การจัดการรูปแบบ (pattern) ได้รับการปรับปรุงให้ใช้งานง่ายขึ้น ทำให้คุณสามารถค้นหาและนำรูปแบบที่ต้องการมาใช้ได้อย่างรวดเร็ว
- การปรับปรุงอื่นๆ: นอกจากนี้ยังมีการปรับปรุงเล็กๆ น้อยๆ อีกมากมาย เช่น การนำทางด้วยแป้นพิมพ์ การแก้ไขแบบกลุ่ม และการออกแบบโดยรวมของ Site Editor เพื่อให้การใช้งานเป็นไปอย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
การย้อนกลับปลั๊กอินอัตโนมัติ (Automatic plugin rollbacks)
WordPress.com ให้ความสำคัญกับความน่าเชื่อถือและความเสถียรของเว็บไซต์ของคุณ ดังนั้น WordPress เวอร์ชั่น 6.6 จึงมาพร้อมกับคุณสมบัติการย้อนกลับปลั๊กอินอัตโนมัติ (automatic plugin rollbacks) เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นจากการอัปเดตปลั๊กอินที่ล้มเหลว
หากคุณไม่ได้ตั้งค่าการอัปเดตปลั๊กอินตามกำหนดเวลา ปลั๊กอินของคุณจะได้รับการอัปเดตอัตโนมัติเมื่อมีเวอร์ชันใหม่ ในอดีต หากการอัปเดตปลั๊กอินไม่สำเร็จ WordPress จะปล่อยให้ปลั๊กอินนั้นไม่ทำงาน ซึ่งอาจส่งผลให้บางส่วนของเว็บไซต์ของคุณใช้งานไม่ได้หรือเสียหาย แต่ใน WordPress เวอร์ชั่น 6.6 หากการอัปเดตปลั๊กอินล้มเหลว ระบบจะทำการย้อนกลับปลั๊กอินไปยังเวอร์ชันก่อนหน้าโดยอัตโนมัติ ช่วยให้เว็บไซต์ของคุณยังคงทำงานได้อย่างต่อเนื่อง จนกว่าคุณจะสามารถวินิจฉัยและแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นได้
ปรับปรุง Publishing flow


WordPress เวอร์ชั่น 6.6 ได้นำเสนอเวิร์กโฟลว์ (workflow) การเผยแพร่ที่ใช้ร่วมกันระหว่าง Site Editor และ Page/Post Editor ทำให้ประสบการณ์การใช้งานเป็นไปอย่างราบรื่นมากขึ้น ไม่ว่าคุณจะกำลังสร้างหน้าเว็บไซต์หรือเขียนบทความใหม่ การเผยแพร่ก็สามารถทำได้ในรูปแบบเดียวกัน
การปรับปรุงนี้ยังรวมถึงการออกแบบและเลย์เอาต์ของขั้นตอนการเผยแพร่ใหม่ ที่ทำให้ข้อมูลสำคัญ เช่น ชื่อเรื่อง สถานะการเผยแพร่ และรูปภาพเด่น แสดงผลได้อย่างชัดเจนและเข้าถึงได้ง่ายยิ่งขึ้น นอกจากนี้ การเปลี่ยนแปลงนี้ยังเป็นประโยชน์สำหรับนักพัฒนาปลั๊กอินและธีม เนื่องจากสามารถขยายฟังก์ชันการทำงานขอ
แทนที่รูปแบบที่ซิงค์ด้วยเนื้อหาที่กำหนดเอง
แทนที่รูปแบบที่ซิงค์ด้วยเนื้อหาที่กำหนดเอง (Override synced patterns with custom content) เป็นคุณสมบัติใหม่ที่ช่วยให้คุณสามารถแก้ไขบล็อกเฉพาะภายในรูปแบบที่ซิงค์กันได้อย่างอิสระ นั่นหมายความว่าคุณสามารถปรับแต่งเนื้อหาในแต่ละบล็อกได้โดยไม่ส่งผลกระทบต่อรูปแบบและสไตล์โดยรวมของแพทเทิร์น ทำให้คุณมีความยืดหยุ่นในการปรับแต่งเนื้อหาให้เหมาะสมกับแต่ละหน้าหรือแต่ละส่วนของเว็บไซต์ได้มากยิ่งขึ้น
ตัวอย่างเช่น หากคุณมีแพทเทิร์นสำหรับปุ่ม Call-to-Action (CTA) ที่มีสไตล์ คุณสามารถใช้คุณสมบัติ “Enable Overrides” จาก เพื่อเปลี่ยนแปลงข้อความหรือสีของปุ่มในแต่ละตำแหน่งที่ใช้งานแพทเทิร์นนั้น โดยยังคงรักษาองค์ประกอบอื่นๆ ของแพทเทิร์นไว้ได้ ปัจจุบันคุณสมบัติ “Enable Overrides” รองรับบล็อก Paragraph, Heading, Buttons และ Image และจะมีการเพิ่มบล็อกอื่นๆ ในอนาคต
New design elements
ภาพพื้นหลังของเว็บไซต์ (Site background image)

คุณสามารถเพิ่มภาพพื้นหลังให้กับเว็บไซต์ของคุณได้อย่างง่ายดาย เพียงเข้าไปที่ Site Editor และเลือกภาพที่ต้องการ ไม่ว่าจะเป็นภาพถ่ายที่สวยงามหรือลวดลายกราฟิกที่น่าสนใจ ก็สามารถนำมาใช้เป็นพื้นหลังของเว็บไซต์ได้ทั้งหมด
คุณสมบัติ Site background image ยังมาพร้อมกับตัวเลือกในการปรับแต่งขนาด ตำแหน่ง และการทำซ้ำของภาพ ทำให้คุณสามารถสร้างสรรค์พื้นหลังเว็บไซต์ที่เป็นเอกลักษณ์และตรงกับสไตล์ของคุณได้อย่างลงตัว ไม่ว่าจะเป็นการแสดงภาพพื้นหลังแบบเต็มจอ หรือการทำซ้ำภาพเพื่อสร้างลวดลายที่น่าสนใจ ก็สามารถทำได้ง่ายๆ ผ่าน Site Editor
ระยะขอบ (Negative margins)

ควบคุมระยะขอบของบล็อกได้อย่างละเอียดมากขึ้น คุณสามารถตั้งค่าระยะขอบติดลบสำหรับบล็อกใดก็ได้ ทำให้สามารถควบคุมระยะขอบได้ละเอียดมากขึ้น สิ่งนี้ช่วยให้ผู้ใช้สามารถสร้างองค์ประกอบการออกแบบที่ทับซ้อนกันได้ง่ายขึ้น เพิ่มความยืดหยุ่นในการจัดวางเลย์เอาต์และสร้างสรรค์ดีไซน์ที่น่าสนใจยิ่งขึ้น
หมายเหตุ: ค่าลบต้องป้อนด้วยตนเองแทนที่จะใช้แถบเลื่อน
รองรับตารางแบบใหม่ (All-new grid support)
สร้างตารางสำหรับรูปภาพ ข้อความรับรอง วิดีโอ และอื่นๆ ได้อย่างรวดเร็วและเป็นมืออาชีพด้วยบล็อก Grid และ Grid Layout มีตัวเลือก “อัตโนมัติ” สำหรับการสร้างตารางที่ตอบสนองต่อมือถือ และตัวเลือก “กำหนดเอง” สำหรับการควบคุมที่ละเอียดมากขึ้น
สไตล์เงาเริ่มต้นที่กำหนดเอง (Custom default shadow styles)

มอบอิสระในการปรับแต่งเอฟเฟกต์เงาให้กับองค์ประกอบต่างๆ ในเว็บไซต์ของคุณ ไม่ว่าจะเป็นรูปภาพ ปุ่ม หรือบล็อกอื่นๆ คุณสามารถเปลี่ยนสไตล์เงาเริ่มต้นที่มีให้ หรือจะสร้างสรรค์สไตล์เงาใหม่ๆ ในแบบของคุณเองก็ได้
นอกจากนี้ WordPress เวอร์ชั่น 6.6 ยังเปิดโอกาสให้ผู้ใช้สามารถสร้างสไตล์เงาใหม่ๆ ได้เอง เพื่อเพิ่มความเป็นเอกลักษณ์และความสวยงามให้กับเว็บไซต์ การปรับแต่งนี้ช่วยให้ผู้ใช้สามารถควบคุมองค์ประกอบการออกแบบที่ละเอียดอ่อนอย่างเงาได้อย่างเต็มที่ ซึ่งมีผลต่อภาพลักษณ์และความรู้สึกโดยรวมของเว็บไซต์
การปรับแต่งสไตล์เงา
- เข้าสู่ Site Editor
- ไปที่เมนู Styles
- เลือกหัวข้อ Shadows
- คุณจะพบกับแผง Custom สำหรับสร้างสไตล์เงาของคุณเอง
- เลือกและปรับแต่งค่าต่างๆ เช่น ความเบลอ สี และตำแหน่งของเงา
- บันทึกการเปลี่ยนแปลง
การปรับแต่งสไตล์เงาจะช่วยให้คุณควบคุมรายละเอียดของการออกแบบได้ดียิ่งขึ้น เพิ่มความน่าสนใจและมิติให้กับเว็บไซต์ของคุณได้อย่างง่ายดาย
ฟังก์ชั่นพวกนี้ ใช้ได้เฉพาะธีมที่รองรับอย่างเช่น ธีมตระกูล Twenty Twenty เป็นต้น ธีมพรีเมียมอื่นๆอย่าง Flatsome, Avada ยังไม่รองรับ ใครอยากลองใช้งานฟังก์ชั่นพวกนี้ ลองเปลี่ยนไปใช้ธีมเริ่มต้นดูครับ
สไตล์เฉพาะส่วน (Section-specific styles)
Section-specific styles เป็นฟีเจอร์มาใหม่ ที่มอบความยืดหยุ่นในการออกแบบให้กับผู้สร้างธีม (theme builders) โดยเฉพาะ ช่วยให้สามารถกำหนดรูปแบบต่างๆ สำหรับส่วนต่างๆ ของเว็บไซต์ได้อย่างอิสระ ไม่ว่าจะเป็นส่วนหัว (header), ส่วนท้าย (footer), ส่วนเนื้อหา (content sections) หรือส่วนอื่นๆ ทำให้แต่ละส่วนของเว็บไซต์มีเอกลักษณ์และสไตล์ที่แตกต่างกันได้
ในการใช้งานคุณสมบัตินี้ ผู้สร้างธีมจะต้องแก้ไขไฟล์ theme.json ของธีมและประกาศรูปแบบที่ต้องการ จากนั้นก็สามารถปรับแต่งสไตล์ของบล็อกต่างๆ ในแต่ละส่วนได้อย่างรวดเร็ว เช่น เปลี่ยนสีพื้นหลัง ปรับขนาดตัวอักษร หรือเปลี่ยนรูปแบบเลย์เอาต์ นอกจากนี้ section styles ยังทำงานร่วมกับเนื้อหาที่นำเข้าจากคอลเล็กชันรูปแบบสาธารณะได้อย่างราบรื่นอีกด้วย (ดูเพิ่มเติมได้ที่นี่)
อัปเกรด Block Bindings API
Block Bindings API ใน WordPress เวอร์ชั่น 6.6 เป็นคุณสมบัติที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถเชื่อมโยงเนื้อหาของบล็อกกับข้อมูลของฟิลด์ที่กำหนดเองได้ง่ายขึ้น ทำให้สามารถแสดงข้อมูลแบบไดนามิกและปรับแต่งเนื้อหาได้อย่างยืดหยุ่น ตัวอย่างเช่น คุณสามารถเชื่อมโยงบล็อกข้อความกับฟิลด์ที่กำหนดเองเพื่อแสดงชื่อผลิตภัณฑ์ หรือเชื่อมโยงบล็อกรูปภาพกับฟิลด์ที่กำหนดเองเพื่อแสดงโลโก้ของบริษัท
Block Bindings API ได้รับการปรับปรุงให้ใช้งานง่ายและมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยเพิ่มความสามารถในการแก้ไขข้อมูลฟิลด์ที่กำหนดเองผ่านการอัปเดตบล็อกในโปรแกรมแก้ไขโดยตรง ทำให้กระบวนการจัดการเนื้อหาและข้อมูลมีความสะดวกและรวดเร็วยิ่งขึ้น (ดูเพิ่มเติมได้ที่นี่)
สรุป
WordPress 6.6 เป็นการอัปเดตครั้งสำคัญที่นำเสนอการปรับปรุงมากมายทั้งในด้านประสิทธิภาพ, ความยืดหยุ่น, และประสบการณ์การใช้งาน การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้จะช่วยให้คุณสร้างเว็บไซต์ที่ทรงพลัง, สร้างสรรค์, และตอบสนองความต้องการของทั้งคุณและผู้เข้าชมเว็บไซต์ของคุณได้ดียิ่งขึ้น หากคุณยังไม่ได้อัปเดตเป็น WordPress Version 6.6 เราขอแนะนำให้คุณทำโดยเร็วที่สุดเพื่อสัมผัสประสบการณ์การสร้างเว็บไซต์ที่ดียิ่งขึ้น
หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์และช่วยให้คุณเข้าใจถึงการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญใน WordPress เวอร์ชั่น 6.6 ได้ดียิ่งขึ้น หากคุณมีคำถามหรือข้อสงสัยเพิ่มเติม สามารถสอบถามได้เลยครับ
แหล่งอ้างอิง:
- WordPress 6.6 Is Here: https://wordpress.com/
- WordPress Version 6.6 Update: https://wordpress.org
- What’s New in WordPress 6.6: https://www.wpbeginner.com
- WordPress 6.6 is here! Now what?!: https://www.youtube.com/watch?v=9yYNJ3l51yI